กัณฑ์ที่ ๒๔     ๕ ธันวาคม ๒๕๔๓

ความกตัญญูกตเวที

วันนี้เป็นวันพ่อแห่งชาติ ทุกๆปีเมื่อถึงวันที่ ๕ ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นที่รักและเคารพของพวกเรา  รัฐบาลได้กำหนดวันนี้ให้เป็นวันพ่อแห่งชาติ มีวัตถุประสงค์ให้ลูกๆ ทุกคนได้ระลึกถึงพระคุณของพ่อ และของแม่ด้วย เพราะว่าบิดามารดาผู้บังเกิดเกล้านั้น เป็นผู้ที่มีความสำคัญต่อลูกๆ อย่างยิ่ง เป็นต้นเหตุที่ทำให้มีลูกๆเกิดมาได้  ถ้าไม่มีบิดามารดา ลูกๆทั้งหลายย่อมไม่สามารถปรากฏตัวขึ้นมาในโลกนี้ได้  พระคุณของพ่อแม่จึงเป็นพระคุณอันใหญ่หลวง ยิ่งใหญ่กว่าน้ำในมหาสมุทร กว้างกว่าท้องฟ้าอย่างมากมาย พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ว่า ถึงแม้จะเลี้ยงดูพ่อแม่อย่างดีที่สุด แบกหามท่านไว้บนบ่า บนไหล่ ให้ท่านขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะใส่ตัวเรา  บุญคุณของท่านก็ยังทดแทนไม่หมด เพราะว่าพระคุณของท่านมาก ยิ่งกว่าที่ลูกๆจะสามารถทดแทนได้ จึงควรพยายามขวนขวายทดแทนพระคุณของบิดามารดาให้ได้เท่าที่จะสามารถทำได้ อย่าปล่อยให้ท่านต้องอยู่อย่างอดๆอยากๆ ลำบากยากเข็ญ อย่าปล่อยให้ท่านไปอยู่ตามสถานที่สงเคราะห์คนชรา ท่านเลี้ยงดูเรามาได้ จะลำบากยากดีมีจนอย่างไรท่านก็เลี้ยงเรามาจนได้  เมื่อถึงเวลาที่เราต้องเลี้ยงดูท่าน เราก็ต้องเลี้ยงดูท่านเหมือนกัน  อย่าปล่อยปละละเลยหน้าที่อันนี้ แล้วเราก็โยนหน้าที่นี้ให้คนอื่นเขาไป เช่นไปฝากไว้ตามสถานที่เลี้ยงคนแก่ คนชรา อันนี้แสดงถึงความไม่กตัญญูกตเวที  คนที่ไม่มีความกตัญญูกตเวทีนั้นเป็นคนไม่ดี

คนจะมีความกตัญญูได้นั้น ต้องเป็นคนที่มีความสำนึกในบุญคุณของผู้ที่มีพระคุณกับเรา แล้วพยายามทดแทนบุญคุณของท่าน  คนที่มีความกตัญญูกตเวทีนั้นไม่ว่าไปอยู่ที่ไหน กับใคร ย่อมประสบแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง เพราะว่ามีแต่คนชื่นชมยินดี ยินดีที่จะสงเคราะห์ช่วยเหลือต่างกับคนที่มีความอกตัญญู อยู่กับใครก็ไม่มีใครอยากจะสงเคราะห์  เพราะว่าสงเคราะห์ไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร  ดีไม่ดีอาจจะแว้งกัดเอาก็ได้เหมือนกับอสรพิษ เราคงได้ยินเรื่องชาวนากับงูเห่า ชาวนาไปพบงูเห่าตัวหนึ่งกำลังบาดเจ็บไม่สบาย ชาวนานั้นด้วยความสงสารจึงนำงูเห่าตัวนั้นไปดูแลรักษาจนงูเห่าหายดี วันดีคืนดีชาวนาเผลอไปเหยียบหางเข้า งูเห่าตัวนั้นจึงกัดชาวนาจนถึงแก่ความตาย  นี่เป็นลักษณะของผู้ที่ไม่มีความกตัญญู เหมือนกับเดรัจฉาน  ไม่มีปัญญา ไม่มีสำนึกในเรื่องผิด ถูก ดี ชั่ว  ไม่รู้ว่าใครมีพระคุณต่อเขา ถ้าอยากเป็นมนุษย์ที่ดี เป็นคนที่ดีแล้ว ต้องพยายามระลึกถึงพระคุณของท่านผู้มีพระคุณ  ระลึกถึงพระคุณของบิดามารดาอยู่เสมอๆ แล้วพยายามทดแทนพระคุณท่านตามแต่กรณีที่สมควร

พระพุทธองค์ทรงให้ความสำคัญกับคุณของบิดามารดาอย่างยิ่ง  แม้กระทั่งเวลาที่บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ ตามปกติแล้วเวลาพระท่านออกไปบิณฑบาต อาหารที่ท่านได้จากการบิณฑบาตนั้นท่านห้ามไม่ให้เอาไปแจกคนอื่นก่อน ให้เอาแจกกับพระภิกษุสงฆ์ก่อน แล้วถึงค่อยเอาไปแจกคนอื่น แจกลูกศิษย์ลูกหาได้  แต่ถ้าเป็นกรณีของพ่อแม่แล้ว ท่านยกเว้น ท่านไม่ว่า อาหารที่ได้มาจากการบิณฑบาตนี้ สามารถเอาไปเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ได้ เพราะว่าพ่อแม่นั้นเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างยิ่งกับลูกๆ ท่านเปรียบเหมือนกับเป็นพระอรหันต์ของลูกๆเลยทีเดียว  ดังนั้นเวลาอยากจะทำบุญกับพระอริยเจ้า พระอริยบุคคล หรือพระอรหันต์ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล เรามีพระอรหันต์อยู่ที่บ้านเราแล้ว ทำบุญกับพระอรหันต์ที่บ้านของเราก่อน ได้บุญมากมายก่ายกอง ไม่ต้องไปหาพระที่อื่นทำหรอก นอกจากว่าหลังจากที่เราได้ทำบุญกับพ่อแม่ของเราแล้ว อยากจะทำบุญกับพระอรหันต์ข้างนอกแล้วก็ค่อยไป  แต่อย่าลืมพระอรหันต์ที่บ้านของเรา เลี้ยงดูท่านให้ดีก่อน อย่าให้ท่านต้องอยู่อย่างลำบากยากเย็นเข็ญใจแย่กว่าเรา  เราอยู่อย่างไร  เรามีความสุขอย่างไร ก็ให้ท่านอยู่เหมือนกับเรา ไม่ใช่เราอยู่สุขอยู่สบาย เราร่ำรวยแล้ว แต่ท่านต้องอยู่อย่างลำบากยากจน มีความเป็นอยู่อย่างอดๆอยากๆ อย่างนี้ไม่ถูก

พระพุทธเจ้าทรงแสดงสุภาษิตไว้ว่า มาตาปิตุอุปัฎฐานัง  เอตัมมังคลมุตตมัง  การได้เลี้ยงดูบิดามารดานั้นเป็นมงคลอย่างยิ่ง เป็นสิริมงคลกับตัวเรา ไม่มีใครอยากจะประสบกับความหายนะ ความทุกข์ ความฉิบหาย ความเสื่อมเสีย  ทุกคนปรารถนาความผาสุก ความเจริญรุ่งเรือง ความมีสิริมงคล พระพุทธองค์จึงทรงชี้ทางแห่งความมีสิริมงคล ว่าอยู่ที่การกระทำของเรานั่นเอง การกระทำที่ดีที่งาม ก็เริ่มจากความเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที คอยเลี้ยงดูบิดามารดา นอกจากการเลี้ยงดูบิดามารดาแล้วนั้น การทดแทนพระคุณของบิดามารดา ยังมีอีกหลายวิธีด้วยกันเช่น ถ้าเรายังเป็นผู้ที่ยังอยู่ในความปกครองของท่าน ก็ขอให้เรามีความเคารพในโอวาทของท่าน ท่านอบรมสั่งสอนอะไร ก็ขอให้เราเชื่อฟัง ถึงแม้ว่าสิ่งที่ท่านบอกเรา ท่านสอนเราอาจจะไม่เข้าหู ไม่ถูกใจเรา ก็ขอให้เราระงับโทสะไว้ อย่าไปตอบโต้ อย่าไปเถียงท่าน เพราะว่าบิดามารดาสั่งสอนด้วยความเมตตา ด้วยความหวังดี ท่านผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนเรา ท่านรู้จักสิ่งผิดถูกดีชั่ว ดีกว่าเรา เมื่อท่านเห็นว่าเรากำลังดำเนินชีวิตของเราไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ท่านก็ห้ามเรา ซึ่งมักจะไม่ค่อยถูกใจเราเพราะว่าใจเราถูกกิเลสครอบงำทำให้อยากไปทำในสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม เช่นชอบออกไปเที่ยวเตร่ ไปเล่นการพนัน กินเหล้าเมายาเป็นต้น

เวลาบิดามารดาเห็นเรากำลังเดินไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ท่านก็คอยให้สติ ว่ากล่าวตักเตือน แม้ว่าเราจะเกิดความไม่พอใจ เกิดโทสะขึ้นมา เพราะไปขัดกิเลสเรา ก็ต้องพยายามตั้งสติไว้ให้มั่น พยายามบอกตัวเองว่า นี่พ่อแม่เรา ท่านสอนเรา ชี้ขุมทรัพย์ให้กับเรา สิ่งไหนที่ไม่ถูก ไม่ดีไม่งามนั้น บางทีเรามองไม่เห็น มองข้ามไป  เมื่อท่านเตือนแล้ว เรารู้ เราจะได้แก้ไข ชีวิตเราก็จะปลอดภัย  ถ้าเราดำเนินไปในวิถีทางที่ไม่ถูกต้อง เช่นเอาแต่เที่ยวเตร่ เกียจคร้าน ไม่ไปโรงเรียน ไม่เรียนหนังสือ ไม่ทำมาหากิน เอาแต่ใช้เงินใช้ทอง ต่อไปเงินทองก็จะหมด แล้วชีวิตเราจะลำบาก เพราะว่าเมื่อหมดเงินหมดทองแล้ว จะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย  เมื่อหาเงินหาทองด้วยความสุจริตไม่ได้ ก็ต้องหาด้วยวิธีที่ไม่สุจริต เช่นประกอบมิจฉาชีพทั้งหลาย ขายยาเสพติด ขายตัวเป็นต้น

ทั้งนี้ทั้งนั้นเกิดจากการที่ดำเนินชีวิตไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่รู้จักเบรกตัวเอง เวลาบิดามารดาคอยสั่งคอยสอนก็ไม่เชื่อฟัง แล้วสุดท้ายใครจะเป็นคนรับเคราะห์ถ้าไม่ใช่ตัวเราเอง พ่อแม่ก็ต้องมาทุกข์ไปด้วยกับเรา แต่ถ้าเชื่อฟังและประพฤติปฏิบัติตัว ให้ดีให้งามตามที่ท่านสั่งสอน ชีวิตของเราก็จะเป็นไปได้ด้วยความราบรื่นดีงาม มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง พ่อแม่ก็มีความสุข เพราะว่าหัวใจของพ่อแม่นั่นไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก ก็อยู่ที่ลูกๆนั่นเอง อยู่ที่การอยากจะให้ลูกๆ มีความสุข มีความเจริญ อยากให้ลูกได้ดิบได้ดี แต่ถ้าลูกเกิดตกทุกข์ได้ยาก ตกระกำลำบาก ติดคุกติดตะราง ก็เหมือนกับพาจิตใจของพ่อแม่ให้ไปติดคุกติดตะรางด้วย ถ้าอยากให้พ่อแม่อยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ก็ขอให้พยายามประพฤติตัวให้ดีงาม คอยดูตัวเองอยู่เสมอ ว่าวิถีชีวิตของเรานั้นเป็นไปในทิศทางที่ดีงามหรือเปล่า อยู่ห่างจากอบายมุขหรือเปล่า เช่นยาเสพติดก็ดี เล่นการพนันก็ดี การคบคนที่ไม่ดีก็ดี ความเกียจคร้านก็ดี การเที่ยวเตร่กลางค่ำกลางคืนก็ดี เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม ทำไปแล้วจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย ความหายนะแก่ตัวเราเอง และสร้างความไม่สบายใจให้กับบิดามารดา สร้างความทุกข์ให้กับพ่อแม่ของเรา

ถ้าอยากจะเป็นคนดี มีความกตัญญูกตเวที ก็ขอให้พยายามน้อมเอาโอวาทของบิดามารดาเข้ามาใส่ใจ  พยายามประพฤติปฏิบัติตัวเราให้อยู่ในทิศทางที่ดีงาม แล้วชีวิตของเราก็จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น พ่อแม่ก็จะมีความสุข เราก็จะเป็นคนที่มีความกตัญญูกตเวที ไปอยู่ที่ไหนย่อมประสบแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรืองโดยถ่ายเดียว ขอฝากเรื่องความกตัญญูกตเวที เรื่องพระคุณของบิดามารดาให้กับพวกเราทั้งหลายที่เป็นลูกๆ จงระลึกอยู่เสมอทุกเมื่อเชื่อวัน อย่าลืมเป็นอันขาดว่าการที่เรามีตัวตนขึ้นมาได้นั้นก็เพราะบิดามารดาของเรา และหลังจากที่บิดามารดาได้ถึงแก่กรรมตายไปแล้ว เรายังทดแทนบุญคุณของท่านได้ด้วยการทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้กับท่าน เช่นวันนี้เรามาทำบุญกัน ก็ขอให้เรากรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับท่าน ถ้าบิดามารดาได้ล่วงลับไปแล้วเผื่อท่านรออุทิศส่วนกุศลอันนี้อยู่ ท่านก็จะได้รับประโยชน์จากที่เราทำให้ในวันนี้ การแสดงเห็นว่าสมควรแก่เวลา  ขอยุติไว้เพียงเท่านี้