กัณฑ์ที่ ๒๖๘ ๒ ธันวาคม ๒๕๔๙
การกระทำที่ไม่เกิดโทษ
วันนี้ท่านทั้งหลายได้มาวัด เพื่อมาทำในสิ่งที่ไม่เกิดโทษกัน ทำสิ่งที่เกิดคุณเกิดประโยชน์ อันเป็นเหตุนำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุข เช่นการทำบุญให้ทาน รักษาศีล ฟังเทศน์ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ละเว้นจากอบายมุขต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสพสุรายาเมา เล่นการพนัน เที่ยวกลางคืน คบคนชั่วเป็นมิตร ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะไม่มีโทษตามมา เมื่อไม่มีโทษก็ย่อมมีความสุข พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้พุทธศาสนิกชน ทำในสิ่งที่ไม่เกิดโทษตามมา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง จะไปหาความสุขจากสิ่งต่างๆ ก็ต้องอยู่ในกรอบของการไม่เกิดโทษ เพราะถ้าทำไปแล้วเกิดโทษ ก็จะได้ไม่คุ้มเสีย เช่นทำมาหากินด้วยวิธีที่มิชอบ ผิดกฎหมาย ก็จะมีโทษตามมา เช่นขายยาบ้า ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมาย ถึงแม้จะได้เงินมาง่ายและมาก แต่ก็มีโทษตามมา จะต้องถูกเจ้าหน้าที่ตามจับไปลงโทษ จับเข้าคุกเข้าตะราง ความสุขที่ได้มากับความทุกข์ที่ตามมาจะไม่คุ้มค่ากัน แต่ถ้าทำมาหากินด้วยวิธีที่ถูกต้อง ไม่ผิดกฎหมาย อย่างที่เราทั้งหลายทำกันอยู่ โทษก็จะไม่มีตามมา ทุกข์ก็ไม่ตามมา มีแต่ความสุข ซึ่งมีอยู่ในตัวของเราแล้ว เพียงแต่ถูกความโลภ ถูกความอยากบดบังไว้ เหมือนกับพระอาทิตย์ที่มีสิ่งอื่นมาปกปิด เช่นเมฆหรือดวงจันทร์ ที่นานๆจะมีมาบดบังพระอาทิตย์สักครั้งหนึ่ง จนทำให้กลางวันกลายเป็นกลางคืนไป ฉันใดความสุขที่มีอยู่ในตัวของเราที่ อยู่ในใจของเรานั้น มีอยู่แล้ว แต่ถูกความโลภ ความอยาก ความหลงมาปกปิดไว้ ทำให้รู้สึกว่าไม่มีความสุข ยังขาดสิ่งนั้นขาดสิ่งนี้อยู่ จึงต้องไปแสวงหาสิ่งนั้นสิ่งนี้มาอยู่เรื่อยๆ แสวงหามามากน้อยเพียงไรก็ไม่เคยพบกับความสุขที่ทำให้อิ่มให้พอเลย มีแต่อยากจะได้เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ถ้าไปหามาด้วยวิธีที่มิชอบ ผิดศีลผิดธรรม ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักทรัพย์ ประพฤติผิดประเวณี โกหกหลอกลวง โทษคือความทุกข์ความวุ่นวายต่างๆก็จะเป็นผลตามมา พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นอย่างถ่องแท้แล้ว จึงสอนพุทธศาสนิกชนให้หาความสุขจากการกระทำที่ไม่เกิดโทษ ไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับอบายมุขทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเสพสุรายาเมา เล่นการพนัน เที่ยวกลางคืน ที่ได้ไม่คุ้มเสีย ได้ความสุขไม่คุ้มกับความทุกข์ที่ได้มา เวลาเสพก็สนุกมีความสุขดี เช่นเวลาได้เสพสุรายาเมาก็มีความสุขดี แต่ต่อไปก็จะกลายเป็นความทุกข์ เพราะเมื่อเสพแล้วก็จะติด ต้องเสพอยู่เรื่อยๆ ถ้าวันไหนไม่ได้เสพ ก็จะทุรนทุราย ไม่สบายอกสบายใจ ถ้าเสพไปมากๆก็จะทำให้เกิดอาการมึนเมา ไม่สามารถควบคุมสติให้ตั้งอยู่ในความถูกต้องดีงามได้ ต้องไปก่อเหตุก่อเรื่องก่อราว นำเอาความทุกข์ทั้งหลายมาสู่ตน ถ้าเสพสุราไปเรื่อยๆอายุก็จะสั้นลงไป สุขภาพร่างกายก็จะหมดไป มีแต่โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน เป็นการกระทำที่เกิดโทษ ไม่ได้สร้างความสุขแต่สร้างความทุกข์ เช่นเดียวกับการเล่นการพนัน เวลาเล่นก็มีความสุขเพลิดเพลิน มีความหวังที่จะได้เงินเป็นกอบเป็นกำ เมื่อได้มาก็เกิดความโลภอยากจะได้มากขึ้นไปอีก ก็ต้องเล่นต่อไปอีก เมื่อเล่นไปเรื่อยๆไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเสีย เมื่อเสียก็อยากจะได้คืน ก็ต้องเล่นต่อไปอีก มีเงินทองข้าวของเท่าไหร่ก็ต้องขนมาเล่น จนหมดเนื้อหมดตัว ขายข้าวของ ขายบ้านขายช่อง ขายที่ขายนา จนไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ถ้าไม่ระวังยังไม่หยุดเล่น ไปกู้หนี้ยืมสินมาเล่นต่ออีก แล้วไม่มีปัญญาใช้หนี้ ดีไม่ดีก็อาจจะต้องถูกฆ่าตายไป เพราะไม่สามารถใช้หนี้ได้ นี่คือการกระทำที่ไม่ดีเลย เป็นการกระทำที่มีโทษตามมา เช่นเดียวกับการเที่ยวกลางคืน ก็ต้องนอนดึก แล้วก็ตื่นไปทำงานไม่ทัน เที่ยวไปเรื่อยๆก็จะขาดงานไปเรื่อยๆ ต่อไปก็ต้องถูกไล่ออกจากงาน สุขภาพก็ไม่ดี เพราะเที่ยวกลางคืนก็ต้องกินเหล้าเมายา ต้องใช้เงินใช้ทองจนหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีรายได้เลย
ไม่เหมือนกับการกระทำที่ไม่เกิดโทษ ทำมาหากินอย่างปกติ ตื่นเช้าก็ออกไปทำงานที่สุจริตไม่ผิดกฎหมาย พอสิ้นเดือนก็ได้เงินเดือนมาใช้จ่าย มาเก็บไว้ ยิ่งขยันทำมากเพียงไร ก็จะได้ประโยชน์มากเพียงนั้น จนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา จากการทำงานทำการที่สุจริตไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม มีรายได้มาก็อดออมเก็บไว้ใช้เท่าที่จำเป็น ไม่เอาไปใช้กับการดื่มสุรายาเมา เล่นการพนัน เที่ยวกลางคืน เพราะจะไม่พอใช้ ต่อให้หามาได้มากน้อยเพียงไรก็ตาม จะต้องหมดไปกับอบายมุขต่างๆ ดังนั้นถ้าปรารถนาความสุขความเจริญที่แท้จริง ก็ต้องเชื่อพระพุทธเจ้า พยายามทำในสิ่งที่ไม่เกิดโทษ ไม่ผิดศีลผิดธรรม ไม่ผิดกฎหมาย เมื่อมีรายได้มาก็ต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี ใช้เท่าที่จำเป็น ใช้ดูแลอัตภาพร่างกาย ซื้อของจำเป็นต่างๆ เช่นอาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม แต่ต้องรู้จักประมาณ คือความพอดี ไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไปต่อความจำเป็น ถ้ามากเกินไปก็ฟุ่มเฟือย ถ้าน้อยเกินไปก็อดอยากขาดแคลน ทำให้ลำบากยากเย็นโดยใช่เหตุ ในเมื่อมีทรัพย์ที่จะซื้อสิ่งที่จำเป็นได้ ก็ควรซื้อให้ครบถ้วนบริบูรณ์ แต่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นของหรูหรามีราคาแพงๆ เช่นเสื้อผ้าชุดหนึ่งนี้มีราคาหลายระดับด้วยกัน ตั้งแต่สองสามร้อยขึ้นไปถึงสองสามแสน ก็เป็นเสื้อผ้าเหมือนกัน เอาไว้ปกปิดร่างกายเหมือนกัน ไม่ได้ทำให้วิเศษวิโส ไม่ได้ทำให้สวยงามมากน้อยกว่ากันเลย เพราะความสวยงามที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่กัน แต่อยู่ที่ความดีงาม มีศีลมีธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตต่างหาก ที่ทำให้น่ารักน่าชื่นชมยินดี
ถ้าไม่มีศีลไม่มีธรรมไม่ซื่อสัตย์สุจริตแล้ว ไปอยู่ที่ไหนกับใครก็จะเป็นที่น่ารังเกียจ ไม่มีใครอยากจะคบค้าสมาคมด้วย ถึงแม้จะใส่เสื้อผ้าราคาแพงๆก็ตาม เพราะความสวยงามต้องไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นนั่นเอง แต่งตัวสวยๆใส่เสื้อผ้างามๆแต่ไปโกหกหลอกลวงชาวบ้าน อย่างนี้ไม่มีใครอยากจะอยู่ใกล้ ไม่มีใครยินดี ไม่มีใครชมว่าสวยงาม แต่ถ้าสวมใส่เสื้อผ้าชุดละสองสามร้อยบาท แต่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่โลภโมโทสัน ไม่คิดอยากจะได้เงินทองของผู้อื่น วางไว้อย่างไรตรงไหนก็ไม่ไปแตะต้อง ถึงแม้จะหยิบยื่นให้ก็ไม่อยากจะได้ อย่างนี้ต่างหากที่น่ารักน่าคบค้าสมาคมด้วย เราจึงต้องมองให้ทะลุปรุโปร่ง ว่าความสวยงามที่แท้จริงอยู่ตรงไหน ไม่ได้อยู่ที่ร่างกาย ไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ ถึงแม้จะสวยงามแต่ก็ไม่จีรังถาวร เพราะต้องแก่ลงไปเรื่อยๆ ความสวยงามก็จะหมดไปตามวัย เมื่อแก่มากๆผมก็จะขาวหนังก็จะเหี่ยวย่น ดูอย่างไรก็ไม่สวยงามอยู่อย่างนั้น เพราะความสวยงามของร่างกายเป็นอย่างนั้น แต่ความสวยงามของใจนั้น ต่อให้มีอายุมากน้อยเพียงใด มีรูปร่างหน้าตาไม่สวยงามเพียงไรก็ตาม ก็ยังสวยยังงามอยู่อย่างนั้น เพราะความสวยใจเหนือกว่าความสวยกาย เราจึงต้องให้ความสำคัญต่อการรักษาความสวยงามของใจ ด้วยการทำความดีอย่างสม่ำเสมอ ให้มีเมตตาไมตรีจิตต่อเพื่อนมนุษย์เพื่อนสัตว์ด้วยกัน มีความหวังดีความปรารถนาดี อยากให้มีความสุข เวลาพบใครก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทาย พูดแต่สิ่งที่สุภาพเรียบร้อย ไม่อาฆาตพยาบาทจองเวรจองกรรม รู้จักให้อภัย เวลามีใครทำอะไรไม่ถูกอกถูกใจก็ให้อภัย ไม่ถือโทษโกรธเคือง
ถ้ามีความเมตตาแล้วไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนกับใคร ก็จะเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย เป็นอานิสงส์ของความเมตตา พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า ผู้มีความเมตตาจะเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย จะไม่ถูกทำร้ายด้วยอาวุธหรือยาพิษ จะนอนหลับฝันดี เวลาตื่นก็มีความสุข เวลาหลับก็มีความสุข เมื่อตายไปก็ได้ไปสู่สุคติ ได้ไปเกิดบนสวรรค์เป็นเทพเป็นพรหม หรือได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก เป็นอานิสงส์ของการกระทำความดี คือมีความเมตตา นอกจากนั้นก็ทรงสอนให้มีความกรุณา มีความสงสาร เห็นผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยากก็ควรช่วยเหลือ มีอะไรพอที่จะช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยเหลือกันไป เพราะอยู่ในโลกที่ไม่มีอะไรแน่นอน วันนี้เราอาจจะสุขสบาย แต่พรุ่งนี้ก็อาจจะตกทุกข์ได้ยากลำบากลำบน แต่ถ้าคอยช่วยเหลือกัน เวลาตกทุกข์ได้ยากก็จะไม่เป็นปัญหามาก ทำให้หนักเป็นเบา ทำให้อยู่กันย่างมีความสุข เวลาเห็นผู้อื่นตกทุกข์ได้ยาก ถ้าพอจะช่วยเหลือกันได้ก็อย่าดูดาย ขอให้ช่วยกัน แล้วจะมีความสุขใจ มีความภูมิใจ เวลามองหน้าในกระจกจะยิ้มได้ จะพอใจกับการกระทำของตน ถ้าขาดความกรุณาความสงสาร ใจจืดใจดำ ไม่เหลียวแลไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นแก่ตัว จะไม่มีความภูมิใจ จะไม่มีความสุขใจเลย ก็จะพยายามไปหาไปทำในสิ่งที่คิดว่าจะทำให้ภูมิใจสุขใจ ด้วยการใช้เงินใช้ทองซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆมา ซื้อมามากน้อยเพียงไร ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความภูมิใจขึ้นมา เพราะเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว ทำเพื่อตัวเอง
จะมีความภาคภูมิใจได้ก็ต่อเมื่อได้ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น รับใช้ผู้อื่น เช่นรับใช้บิดามารดาผู้มีพระคุณ เวลามีอายุมากก็ต้องมีคนคอยดูแลลี้ยงดู เป็นหน้าที่ของลูกๆที่ควรทำให้สมบูรณ์ อย่าไปปัดให้คนอื่นทำ โดยอ้างว่าไม่ว่างมีภาระมาก ไม่ใช่เป็นสิ่งที่คนมีความกตัญญูกตเวทีจะพึงกระทำ ควรรำลึกถึงพระคุณของบิดามารดาอยู่เสมอๆ เพื่อจะได้ไม่ลืม เพราะถ้าไม่รำลึกถึงบุญคุณของบิดามารดาอยู่เรื่อยๆแล้ว จะถูกเรื่องราวต่างๆมาฉุดลากไป จะมีแต่เรื่องนั้นเรื่องนี้มาให้ทำ มาให้วุ่นวาย มาให้กังวล จนลืมนึกถึงพ่อแม่ไป เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปรนนิบัติพ่อแม่ จะหงุดหงิดใจรำคาญใจ เพราะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน แต่ถ้าได้รำลึกถึงบุญคุณของคุณพ่อคุณแม่อยู่เสมอ และคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าต่อไปคุณพ่อคุณแม่ก็จะต้องแก่ จะต้องดูแลตัวเองไม่ได้ ก็จะต้องเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องดูแล ถ้าคิดอย่างนี้ไว้เรื่อยๆ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ให้พร้อม เมื่อถึงเวลาที่จะต้องดูแลพ่อแม่ จะทำได้อย่างสบายใจ ด้วยความยินดี เพราะไม่มีอะไรจะดีเท่ากับการทดแทนบุญคุณของบิดามารดา ผู้บังเกิดเกล้า ผู้ให้กำเนิด ที่มีชีวิตอยู่มาได้ทุกวันนี้ก็มาจากบิดามารดา ถ้าไม่มีบิดามารดาจะเป็นตัวตนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้อย่างไร ถ้าคิดอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ จะไม่ลืมบุญคุณของบิดามารดา จะมีความยินดีทดแทนบุญคุณให้อย่างเต็มที่ ให้สมกับเป็นคนดีคนเจริญ ที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงสอนให้กระทำในสิ่งที่ไม่เกิดโทษ ให้ทำแต่ในสิ่งที่เกิดคุณ เพราะจะนำมาซึ่งความสุขความเจริญอย่างแท้จริง
ความสุขที่ได้จากการไปเที่ยว ไปเสพรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะต่างๆ จากการดื่มสุรายาเมา เที่ยวกลางคืน ซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆ ไม่ใช่เป็นความสุขที่แท้จริง เป็นความสุขที่จะฉุดลากให้ไปตกนรกต่อไป เพราะจะทำให้เห็นแก่ตัวใจแคบ ทำอะไรก็จะทำเพื่อตนเองเท่านั้น ไม่คิดถึงผู้อื่นทำเท่าไหร่ก็หาความสุขไม่เจอ ต่างกับคนที่ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น รับใช้ผู้อื่น สงเคราะห์ผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น ทำไปแล้วเกิดปีติ ความสุขใจ อิ่มใจ ภูมิใจ ทำให้ไม่ต้องไปหาความสุขจากการเที่ยวกลางคืน เสพสุรายาเมา ซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆ จะอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข เป็นคนที่น่าชื่นชมยินดี น่าสรรเสริญยกย่อง น่าคบค้าสมาคมด้วย ทำให้มีความสุขความภูมิใจ เป็นการดำเนินชีวิตเพื่อความสุขที่แท้จริง จึงต้องดูการกระทำเป็นหลักว่าไปในทิศทางไหน ถ้าไปในทางที่ไม่ถูก ก็ควรหักห้าม ถ้าชอบเที่ยวกลางคืน ชอบดื่มสุรายาเมา ชอบซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆ ก็ต้องพยายามหักห้ามใจไว้ แต่ถ้าชอบทำบุญทำทาน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ชอบรักษาศีล ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักทรัพย์ ประพฤติผิดประเวณี พูดปดมดเท็จ เสพสุรายาเมา ชอบฟังเทศน์ฟังธรรม อ่านหนังสือธรรมะ ชอบปฏิบัติธรรม ไหว้พระสวดมนต์ นั่งทำสมาธิ เจริญปัญญา พิจารณาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ควรส่งเสริมควรทำให้มากยิ่งๆขึ้นไป เพราะเป็นเหตุที่จะนำความสุขความเจริญที่แท้จริงมาให้ ไม่มีอะไรที่จะทำได้ เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายได้พิสูจน์มาแล้ว ได้สัมผัสมาแล้ว ได้เอามาเป็นสมบัติของตนแล้ว จึงได้นำมาเอาเผยแผ่ เอามาสั่งสอนผู้อื่น
พวกเราที่ยังไม่ได้สัมผัสกับความสุขความเจริญที่แท้จริงแบบนี้ ก็ควรมีศรัทธาความเชื่อ เชื่อพระพุทธเจ้า เชื่อพระอรหันตสาวก รับรองได้ว่าจะไม่ผิดหวัง เพราะท่านเป็นคนดี ไม่มีเจตนาร้ายแฝงอยู่เลยในการสั่งสอนพวกเรา มีแต่ความปรารถนาดี ความเมตตา ความกรุณา อยากจะให้เราได้ดิบได้ดี ได้พบกับความสุขที่แท้จริง ท่านไม่ได้อะไรจากเรา ท่านเพียงแต่เห็นว่าเมื่อก่อนนี้ท่านก็เป็นเหมือนเรา ลุ่มหลงหาความสุขที่ไม่ถูกทาง หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เจอแต่ความทุกข์ ความวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้พบกับความสุขความเจริญที่แท้จริงแล้ว จึงได้นำเอามาเผยแผ่สั่งสอนพวกเรา ถ้าไม่เชื่อก็จะเสียโอกาสไป ถ้าเชื่ออย่างน้อยก็จะได้พิสูจน์ว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกสั่งสอนนั้น ถูกต้องแม่นยำหรือไม่ เป็นความจริงหรือไม่ หรือโกหกหลอกลวง ถ้าไม่พิสูจน์ก็จะไม่รู้ ถ้าได้นำเอาไปปฏิบัติแล้ว จะได้รู้ว่าสิ่งที่ท่านสอนนั้นจริงหรือไม่จริงอย่างไร เหมือนกับคนทบอกทางให้เราไปสู่ที่ใดที่หนึ่ง เช่นบอกทางให้มาที่วัดนี้ ถ้ายังไม่เคยมาวัดนี้ เราจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาบอกนั้นเป็นความจริงหรือไม่ ถ้าไม่ทำตามที่บอก เมื่อได้ทำตามที่บอกจนได้มาถึงวัด ก็แสดงว่าสิ่งที่เขาบอกนั้นเป็นความจริง
ฉันใดสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนก็เป็นเช่นเดียวกัน เป็นสิ่งที่เรายังไม่รู้ยังไม่เห็น จะรู้จะเห็นได้ก็ต่อเมื่อนำเอาไปปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติแล้วก็จะรู้ว่าเท็จจริงอย่างไร นำความสุขความเจริญมาให้กับเราหรือไม่ หรือนำความทุกข์ความวุ่นวายใจมาให้ นี่เป็นสิ่งที่เราจะพิสูจน์ได้และเป็นโอกาสที่ดีของเรา ถ้าไม่เชื่อก็จะเสียโอกาสไป จะไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ถ้าจริงก็ขาดทุน ไม่ได้สิ่งที่ดี ถ้าไม่จริงจะได้รู้ว่าไม่จริง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาปฏิบัติอีกต่อไป คำสอนของพระพุทธเจ้าทุกบททุกบาทนั้น เป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ ไม่ได้ให้เชื่อเฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร เชื่อแล้วไม่ปฏิบัติก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เชื่อแล้วต้องปฏิบัติถึงจะได้เห็นผลอย่างแท้จริง ถ้าไม่ปฏิบัติก็จะไม่เห็นผล ก็จะไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินได้ฟังในวันนี้ คือความสุขที่เกิดจากการกระทำที่ไม่เกิดโทษนั้น จริงหรือไม่จริง จะพิสูจน์หรือไม่ก็อยู่ที่ตัวของท่านเอง ถ้านำไปพิสูจน์นำไปปฏิบัติแล้วรับรองได้ว่า จะรู้อย่างแน่นอน จึงอยากจะให้ท่านทั้งหลายมีความเชื่อในพระพุทธเจ้า ในพระธรรมคำสอน ในพระอริยสงฆสาวกทั้งหลาย ว่าพูดจริงทำจริง รู้จริงเห็นจริง สิ่งที่นำมาเผยแผ่สั่งสอนพวกเราล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ขอให้เชื่อแล้วนำไปปฏิบัติ แล้วประโยชน์สุขที่พวกเราปรารถนากัน ก็จะเป็นผลที่ตามมาอย่างแน่นอน การแสดงเห็นว่าสมควรแก่เวลา ขอยุติไว้เพียงเท่านี้