กัณฑ์ที่
๓๓ ๑๓ มกราคม
๒๕๔๔
วันเด็ก
วันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติ
ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒
ของเดือนมกราคม ของทุกๆปี
ทางการได้กำหนดไว้ให้เป็นวันเด็กแห่งชาติ
เพราะเห็นความสำคัญของเด็กว่าต่อไปจะเป็นผู้ปกครองประเทศชาติ
เด็กในวันนี้จะต้องเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า
จะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ก็ต้องอาศัยการอบรมสั่งสอนในสิ่งที่ดีที่งามตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเด็ก
โบราณท่านแสดงไว้ว่า ไม้อ่อนดัดง่าย
ไม้แก่ดัดยาก
เด็กๆเมื่อได้รับการอบรมสั่งสอนแล้ว
สามารถนำไปประพฤติปฏิบัติได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่
เวลาโตแล้วจะสั่งสอนลำบากเพราะเป็นเหมือนไม้แก่มีความแข็งกระด้าง
ถ้าไปดัดมากๆก็อาจจะหักได้
โบราณจึงให้สั่งสอนเด็กตั้งแต่ยังเยาว์วัย
วิธีที่ผู้ใหญ่จะสั่งสอนเด็กนั้น
ต้องสั่งสอนด้วยวาจาและการประพฤติตนเป็นตัวอย่าง
ถ้าสั่งสอนแต่วาจาอย่างเดียวแต่ความประพฤติกลับเป็นตรงกันข้าม
เด็กจะไม่เชื่อฟัง
จะไม่ทำตาม
เด็กจะดูการประพฤติเป็นหลัก
เพราะว่าการพูดการสั่งสอนนั้นพูดไปไม่กี่วันก็ลืมแล้ว
แต่การกระทำลืมยาก เวลาเห็นก็จะประทับตาประทับใจไปนาน
เวลาสั่งสอนลูกหลานจึงต้องดูตัวเองเสียก่อน
ว่าตัวเราเองกระทำในสิ่งที่เราสั่งสอนลูกหลานให้กระทำหรือเปล่า
เช่นอยากให้ลูกหลานเป็นเด็กดี
ไม่ข้องเกี่ยวกับสิ่งมอมเมาอบายมุขทั้งหลาย
เช่นการเสพสุรายาเมา
การเล่นการพนัน
การเที่ยวเตร่
ความเกียจคร้าน
ถ้าเพียงแต่สอนบอกลูกว่าอย่าไปกินเหล้าเมายานะ
อย่าไปเล่นการพนันนะ
อย่าไปเที่ยวเตร่นะ
อย่าเป็นคนเกียจคร้านนะ
แต่ผู้สั่งสอนกลับกลายเป็นคนทำเสียเอง
เล่นการพนันเสียเอง
เสพสุราเสียเอง
เที่ยวเตร่เสียเอง
เป็นคนเกียจคร้านเสียเอง
ถ้าเป็นเช่นนี้จะสั่งสอนไปเท่าไรเด็กก็จะไม่เชื่อไม่ฟัง
เพราะว่าเด็กจะดูตัวอย่างจากพ่อแม่ผู้ใหญ่นั่นเอง
พ่อแม่ผู้ใหญ่เปรียบเหมือนเป็นแม่พิมพ์ของลูกๆ
พ่อแม่เป็นอย่างไรลูกๆมักเป็นอย่างนั้น
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
การสั่งสอนจึงควรสั่งสอนทั้งทางวาจาและการกระทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง
การสั่งสอนทางวาจาก็สำคัญ
ต้องคอยบอก
คอยอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมจะต้องทำในสิ่งเหล่านี้ ทำไมถึงไม่ให้ทำในสิ่งเหล่านั้น
ทุกสิ่งทุกอย่างอธิบายได้ด้วยเหตุด้วยผล
การกระทำเป็นเหตุนำมาได้ทั้งความสุขความเจริญ
นำมาได้ทั้งความทุกข์และความเสื่อมเสีย
ขึ้นอยู่กับว่าการกระทำนั้นกระทำไปในทิศทางใด
พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ว่า
อบายมุขเป็นทางสู่ความเสื่อมเสีย
อบายแปลว่าภพภูมิที่มีแต่ความทุกข์ความยากลำบาก
เป็นที่อยู่ของ เดรัจฉาน
เปรต อสูรกาย และสัตว์นรก
มุขแปลว่าทวาร
ประตู ทางเข้า
ผู้ใดที่ไปเกี่ยวข้องกับอบายมุขก็เป็นผู้เข้าไปสู่อบายภูมิ
ไปสู่ความเสื่อมเสียทั้งหลายนั่นเอง
ถ้าปรารถนาจะให้ลูกๆเป็นคนดี
ผู้ปกครองต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี
อยากจะให้ลูกๆเป็นเด็กที่พูดจาแต่คำสุภาพไม่พูดคำหยาบ
เวลาอยู่ต่อหน้าเด็กต้องคอยดูว่าเรากำลังพูดอะไรอยู่
อย่าพูดคำหยาบต่อหน้าเด็ก
ควรพูดจาให้สุภาพเรียบร้อย
เด็กจะได้เอาไปเป็นตัวอย่าง
ถ้าอยากให้ลูกๆเป็นเด็กที่มีสัมมาคารวะ
มีความเคารพ
มีความกตัญญูกตเวที
ผู้ใหญ่ก็ต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง
ต้องมีสัมมาคารวะ
มีความกตัญญูกตเวทีทดแทนพระคุณของท่านผู้มีอุปการคุณทั้งหลาย
เลี้ยงดูบิดามารดาอย่างดี
เมื่อได้สอนและกระทำเป็นตัวอย่างแล้ว
ลูกๆก็จะเจริญรอยตาม
เมื่อเราเลี้ยงดูบิดามารดาอย่างดี
มีความเคารพต่อบิดามารดา
ต่อผู้หลักผู้ใหญ่
ลูกๆจะมีความเคารพในตัวเรา
มีความกตัญญูกตเวที
จะเลี้ยงดูเราในยามแก่เฒ่า เพราะผู้ใหญ่ได้ทำเป็นตัวอย่างให้เด็กๆได้เห็น
เป็นตัวอย่างที่ประทับใจเด็ก
เด็กๆมักชอบทำตามพ่อแม่
ถ้ารักลูก
อยากจะให้ลูกเป็นคนดี
ต้องพยายามสั่งสอนทั้งทางวาจาและประพฤติตนเป็นตัวอย่าง
ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ได้แล้วเชื่อได้ว่าลูกๆจะเป็นคนดีต่อไป
ยกเว้นลูกที่มีกรรมติดตัวมามาก
คือในอดีตชาติได้กระทำแต่สิ่งที่ไม่ดีไม่งามจนฝังลึกลงไปในสันดาน
ถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะลำบากหน่อย
จะสั่งสอนอย่างไรก็ไม่สามารถรับไปประพฤติปฏิบัติตามได้
เหมือนกับสาดน้ำใส่หลังสุนัข
สาดไปเท่าไหร่ก็จะสลัดทิ้งหมด
ต้องยอมรับเรื่องของวิบากกรรม
ว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆตน
จะทำกรรมอันใดไว้ ดีหรือชั่ว
จะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
เวลาอยากให้ลูกเป็นคนดี
ทำความดีให้เขาเห็นเป็นตัวอย่าง
แต่ทำเท่าไร
ก็ไม่สามารถที่จะซึมซาบเข้าไปในจิตใจของเขาได้
เพราะจิตใจของเขาหนาทึบไปด้วยโมหะอวิชชา
ความโลภ ความโกรธ
ความหลงครอบงำอยู่อย่างหนาแน่น
สั่งสอนอย่างไรก็ไม่เชื่อไม่ฟัง
ชอบกระทำในสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วพ่อแม่อย่าไปเสียใจ
ให้ทำความเข้าใจว่าได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว
ลูกเขารับได้เท่าไรก็เป็นเรื่องของเขา
เหมือนกับเวลาเอาสิ่งของไปแจก
ถ้าผู้รับไม่ยินดีที่จะรับ
เราก็ไม่เสียใจ
เอาของเก็บไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่น
หรือเอาไปให้ผู้อื่นก็ได้
เมื่อผู้รับไม่ยินดีจะรับก็ไม่ต้องไปยัดเยียดให้กับเขา
ไม่เกิดประโยชน์อะไร
อย่ารักลูกจนเกิดความเศร้าโศกเสียใจ
เวลาลูกไม่เป็นไปตามที่เราต้องการให้เป็น
เราต้องทำความเข้าใจว่าเป็นกรรมของเขา
เราไม่มีอำนาจไปฝืน
มันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือวิสัยเรา
เราแก้ให้เขาไม่ได้
เราต้องทำใจเท่านั้นเอง
แต่เราจะคอยดูแลช่วยเหลือเขาเท่าที่เราจะทำได้ เช่นถ้าเขาเกิดตกทุกข์ได้ยาก
ไปติดคุกติดตะราง
เราก็ไปเยี่ยมไปดูแลเขา
ส่งน้ำส่งอาหารให้กับเขา
ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยก็ดูแลรักษาพยาบาลเขาไป
แต่ไม่ต้องให้เงินให้ทองมากมายเกินความจำเป็น ถ้าเขาไม่รู้จักใช้เงินใช้ทองให้เป็นประโยชน์
เงินทองจะกลายเป็นเครื่องทำลายเขาถ้าเอาไปเล่นการพนัน
เอาไปเที่ยวเตร่
เอาไปเสพสุรายาเมา
เป็นการเสียเงินเสียทองที่เราอุตส่าห์หามาได้ด้วยความยากลำบากไปโดยเปล่าประโยชน์
เวลาที่เขาช่วยตัวเองไม่ได้
เช่นในยามเจ็บไข้ได้ป่วย
เลี้ยงดูปากท้องของตัวเองไม่ได้
ก็ต้องเป็นภาระของเราที่จะต้องให้ความเมตตากรุณา
ถือว่าเป็นการทำบุญทำกุศล
แต่จิตต้องเป็นอุเบกขา
ต้องรู้จักปล่อยวาง
ต้องยอมรับความจริง
ว่าเขาเป็นอย่างนี้
เราทำได้เท่านี้
ถ้าเขาไม่ช่วยตัวเขาเอง
ก็ไม่มีใครจะช่วยเขาได้
แม้แต่พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ก็ช่วยเขาไม่ได้
เพราะเป็นเรื่องของกรรม
นี่คือเรื่องของการดูแลอบรมสั่งสอนลูกๆหลานๆ
ผู้ปกครองต้องเลี้ยงดูจนกว่าลูกหลานจะช่วยเหลือตัวเขาเองได้
ให้วิชาความรู้
ให้เรียนหนังสือเท่าที่เขาสามารถจะเรียนได้
เรียนได้แค่ไหนก็ส่งเขาไป
ถ้าเขาเรียนไม่ได้มันก็เป็นกรรมของเขา
เขาจะเป็นอย่างไร
ก็ต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย
ทำดีก็จะได้รับผลดีตามมา ทำไม่ดีก็ต้องรับกรรมไป
พ่อแม่ต้องรู้จักทำใจให้เป็นอุเบกขา
ไปเศร้าโศกเสียใจ ไปทุกข์
ไปกังวลกับเขา
มันก็ไม่แก้ปัญหาของเขาได้
การแสดงเห็นว่าสมควรแก่เวลา
ขอยุติไว้เพียงเท่านี้