กัณฑ์ที่ ๓๖๔ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๐
ทวนกระแส
การปฏิบัติธรรมเป็นการดูแลรักษาใจ ให้อยู่อย่างสุขอย่างสบาย ให้เจริญก้าวหน้าขึ้นไปตามลำดับ เพราะใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในบรรดาสิ่งต่างๆทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับใจ แม้แต่ร่างกายที่เป็นของรักของหวง ก็ยังไม่มีความสำคัญ ไม่มีคุณค่าเท่ากับใจ เพราะใจเป็นเหตุ เป็นที่เกิดของทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ล้วนเกิดจากใจทั้งนั้น เพราะใจเป็นผู้สร้างเป็นผู้ผลิต เป็นผู้รับผล จึงต้องให้ความสำคัญกับใจ ต้องดูแลรักษาใจ ให้ผลิตให้สร้างแต่สิ่งที่ดีออกมา ถ้าได้รับการดูแลด้วยธรรมะพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ใจก็จะผลิตแต่สิ่งที่ดีออกมา เพราะใจเป็นผู้สร้างความสุขและความทุกข์ ด้วยการทำดีหรือทำชั่ว คิดดีหรือคิดชั่ว ถ้าคิดดีก็จะพูดดีทำดี ถ้าคิดชั่วก็จะพูดชั่วทำชั่ว ใจเป็นผู้สร้างสวรรค์ สร้างนรก เป็นผู้เสวยบุญในสวรรค์ เสวยกรรมในนรก ใจเป็นเทพ เป็นพรหม เป็นพระอริยเจ้า เป็นเดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นผี เป็นสัตว์นรก การที่เราได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เพราะใจเราได้ทำความดี ได้ทำบุญ ได้รักษาศีล ถ้าไม่ได้รักษาศีลก็จะไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ต้องไปเกิดเป็นเดรัจฉานไปตกนรกแทน เราจึงต้องให้ความสำคัญต่อการดูแลรักษาใจ ถ้าไม่รู้จักวิธีรักษาใจให้ถูกต้อง ให้ดีให้สุขให้เจริญ ให้เป็นมนุษย์ ให้เป็นเทพ ให้เป็นพรหม ให้เป็นพระอริยเจ้า ก็ต้องอาศัยพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าชี้นำ ถ้าปฏิบัติตามความรู้สึกนึกคิดของเรา เราจะไม่สามารถสร้างความสุขและความเจริญที่แท้จริงได้เลย เนื่องจากใจของเรามีแต่ความหลงคอยบอกคอยสอน ให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จะสอนให้ไปหาความสุขที่มีความทุกข์ตามมา ความสุขที่ไม่จีรังถาวร จะสอนให้สะสมลาภยศสรรเสริญสุข
พวกเราทุกคนอยากจะร่ำอยากจะรวย อยากจะมีหน้ามีตา มียศฐาบรรดาศักดิ์ มีตำแหน่งสูงๆ มีคนสรรเสริญยกย่อง มีความสุขจากการเสพรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะต่างๆ โดยคิดว่าเมื่อได้สิ่งเหล่านี้มาแล้ว จะทำให้มีความสุขความเจริญ ในสังคมที่มีความหลงด้วยกัน เวลาใครร่ำรวย ได้ตำแหน่งสูงๆ มีคนยกย่องสรรเสริญ มีความสามารถที่จะหารูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะชนิดต่างๆ มาบำรุุงบำเรอ ก็จะถูกยกย่องว่าเจริญรุ่งเรือง มีความสุขมาก เพราะมองไม่เห็นอีกด้านที่ติดมากับความสุข เป็นเหมือนกับเหรียญที่มี ๒ ด้านด้วยกัน มีทั้งหัวมีทั้งก้อย ฉันใดลาภยศสรรเสริญสุข ก็มีทั้งเจริญมีทั้งเสื่อม เวลาเจริญก็ดีอกดีใจกัน เวลาได้เงินทองมา ได้เลื่อนตำแหน่ง ได้รับการยกย่องสรรเสริญ ได้ไปเที่ยว ได้ไปดู ได้ไปฟัง ได้ไปดื่ม ได้ไปทำอะไรตามใจอยาก ก็ดีอกดีใจ แต่ไม่ได้คิดถึงเวลาเสื่อม เวลาเงินทองหมดไป ลาภยศตำแหน่งหมดไป คำสรรเสริญเยินยอหมดไป มีแต่คำนินทาตำหนิติเตียน เวลาที่ไม่สามารถหาความสุขจากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ว่าจะเป็นอย่างไร เวลานั้นจะมีแต่ความทุกข์ เศร้าสร้อยหงอยเหงา เสียอกเสียใจ ความหลงจะหลอกให้ไปหาความสุขที่เป็นความทุกข์เสียมากกว่า เป็นเหมือนยาขมเคลือบน้ำตาล เวลาอมเข้าไปใหม่ๆก็หวานดี แต่หวานไม่นาน พอน้ำตาลละลายหมดไป ก็เหลือแต่ความขม ฉันใดความสุขที่ได้จากลาภยศสรรเสริญสุขก็เป็นอย่างนั้น ไม่จีรังถาวร อยู่ได้ไม่นาน แล้วก็จางหายไป เหลือแต่ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ความอยาก ความต้องการ ถ้าไม่สามารถหามาทดแทนได้ ก็จะมีแต่ความทุกข์ กลุ้มอกกลุ้มใจ
นี่คือวิถีชีวิตของคนในสังคม ที่ไม่ได้ศึกษาไม่ได้ยินได้ฟัง พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำไปตามความรู้สึก ที่มีความหลงครอบงำ จึงมีความรู้สึกเหมือนกัน มีความเห็นเหมือนกัน มีการกระทำเหมือนกัน มีการแสวงหาลาภยศสรรเสริญสุขเหมือนๆกัน แล้วก็มีความทุกข์ เศร้าโศกเสียใจ ร้องห่มร้องไห้ กลุ้มอกกลุ้มใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนกัน ถ้าได้สัมผัสกับพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า มีศรัทธาความเชื่อที่จะปฏิบัติตาม ก็จะได้พบกับความสุขอีกชนิดหนึ่ง เป็นความสุขที่ไม่มีความทุกข์ตามมา แต่เป็นความสุขที่มีความทุกข์มาก่อน เพราะการประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ง่ายเหมือนกับการหาลาภยศสรรเสริญสุข เพราะทวนกระแสความรู้สึกนึกคิดที่มีอยู่ในใจของเรา ที่ไหลไปตามความโลภ ความโกรธ ความหลง ความอยากได้ ความอยากมี อยากเป็น อยากเสพรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะต่างๆ ที่ทวนกระแสของพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงสอนให้ละความโลภ ความโกรธ ความหลง ความอยากมีอยากเป็น จึงเป็นสิ่งที่ยากในเบื้องต้น เพราะต้องต่อสู้กัน เหมือนกับว่ายทวนน้ำ ถ้าว่ายตามน้ำจะแสนง่ายแสนสบาย แทบไม่ต้องออกแรงเลย เพียงแ่ต่พยุงตัวให้ลอยก็พอแล้ว กระแสน้ำก็จะพัดพาไปเอง ถ้าว่ายทวนน้ำก็ต้องใช้กำลังมาก กว่าจะฝ่ากระแสน้ำไปได้ เช่นว่ายข้ามฟาก ที่มีกระแสน้ำไหลขวางอยู่ ก็ต้องออกกำลังมากจนกว่าจะข้ามไปได้ พอถึงฝั่งแล้วก็สบาย เดินต่อไปได้ การประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนก็เป็นอย่างนั้น เป็นการทวนกระแสของกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ที่มีอยู่ในใจของเรา
จึงทรงสอนให้ละความโลภความโกรธความหลง ด้วยการทำบุญให้ทานเสียสละ มีเงินมีทองเหลือกินเหลือใช้ ก็ให้เอาไปช่วยเหลือผู้อื่น แบ่งปันให้ผู้อื่น ที่เดือดร้อนลำบาก แต่กิเลสจะคอยขัดขวาง เพราะกิเลสก็คือ ความตระหนี่ ความหวง ความเสียดาย ความเห็นแก่ตัว จะพยายามสร้างความรู้สึกไม่ดี ไม่ให้อยากทำบุญให้ทาน ให้เก็บเงินทองไว้ ให้หามาเพิ่มอีก ทั้งๆที่มีพอเพียงต่อการดูแลรักษาอัตภาพอยู่แล้ว แต่กิเลสจะไม่ยอม เวลาทำบุญทำทานแต่ละครั้งจึงไม่ง่าย ต้องต่อสู้กับกิเลสที่มีอยู่ในใจ แต่ถ้าเชื่อพระพุทธเจ้าก็จะฝืนคำสั่ง ฝืนความรู้สึกของกิเลส พอทำได้แล้วจะรู้สึกเบาอกเบาใจ มีความสุข ความสบายใจ เหมือนกับได้ว่ายข้ามฟากแล้ว ได้ว่ายทวนกระแสน้ำแล้ว การประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงต้องใช้กำลัง ใช้ความพากเพียร ต้องมีขันติความอดทนอดกลั้น ต้องมีความเสียสละ จึงจะสามารถทวนกระแสของกิเลสตัณหาไปได้ เมื่อพ้นจากกระแสของกิเลสตัณหาแล้ว ก็จะไม่มีอะไรมารบกวนจิตใจ ไม่มีอะไรมาสร้างความทุกข์ ความไม่สบายใจ เพราะใจได้ไปถึงปรมังสุขัง คือพระนิพพานแล้ว ไปด้วยการประพฤติปฏิบัติ ตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยความพากเพียร ด้วยขันติความอดทนอดกลั้น ด้วยการเสียสละ อย่าท้อแท้ เวลาคิดจะทำบุญให้ทำทันทีเลย ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรมาขวางกั้น ให้ทำไปเลย อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะเป็นกลของกิเลส ที่คอยหลอกไม่ให้ทำบุญทำทาน เมื่อมีโอกาสคิดอยากจะทำบุญก็รีบทำเสีย ถ้าเป็นโอกาสพิเศษ วันเกิด วันสำคัญต่างๆ เป็นเหตุให้ทำบุญ ก็ทำเสีย อย่าปล่อยให้เหตุการณ์หรือธุระอย่างอื่น มาหลอกลากไป ให้คิดเสมอว่าการกระทำอย่างอื่น ไม่ได้สร้างความสุขความเจริญให้กับเราอย่างแท้จริง เพียงแต่หลอกให้มีความสุขความเพลิดเพลินไปวันๆหนึ่งเท่านั้นเอง
ใจของเรายังต้องเดินทางต่อ หลังจากที่ร่างกายตายไปแล้ว ถ้ายังไม่ได้กำจัดความโลภ ความโกรธ ความหลง กำจัดกิเลสตัณหาให้หมดสิ้นไปจากใจ เพราะกิเลสตัณหานี่แลเป็นผู้ที่ดึงใจให้ไปเกิดใหม่ ไปเกิดที่สูงบ้างที่ต่ำบ้าง ถ้ากิเลสหลอกให้ไปทำบาปทำกรรมได้ ก็จะดึงให้ไปสู่ที่ต่ำ ไปสู่อบาย ถ้าไม่หลงกลของกิเลส ถึงแม้ยังมีความโลภ ความอยาก ความต้องการอยู่ แต่เชื่อว่าการทำบาปมีผลเสียหายตามมา ไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้มา ก็จะไม่ทำบาป จะทำด้วยความสุจริต ไม่ว่าจะอยากได้อะไรยากเป็นอะไร ก็จะไม่หามาด้วยการฆ่าผู้อื่น ลักทรัพย์ ประพฤติผิดประเวณี พูดปดมดเท็จโกหกหลอกลวง จะหาด้วยความสุจริต ด้วยสติปัญญา ด้วยความขยันหมั่นเพียร ก็จะไม่ถูกดึงลงสู่ที่ต่ำ ถ้าอยากจะมีเงินมีทอง เราก็ไปทำมาค้าขายทำงานที่สุจริต พอได้เงินได้ทองมาแล้ว อยากจะได้อะไร อยากจะซื้ออะไร ก็เอาไปซื้อได้ ถึงแม้ยังต้องไปเกิดใหม่อีก เพราะยังอยากได้สิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ ก็จะไม่ไปเกิดในอบาย เป็นเดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์นรก เพราะหามาด้วยความสุจริต เหตุที่ทำให้สัตว์โลกไปเกิดเป็นเดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์นรกนั้น ก็คือการทำบาปทำกรรม ด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง ความกลัว ถ้าทำบาปทำกรรมเพราะความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาท เวลาตายไปก็ต้องไปตกนรก ถ้าทำบาปทำกรรมด้วยความโลภ ไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ มีมากน้อยเพียงไรก็ยังอยากได้อีก ตายไปก็ต้องไปเกิดเป็นเปรต ถ้าทำเพราะความหลงความไม่รู้ เลี้ยงดูชีวิตตนเองด้วยการจับปลามาฆ่ามาขาย ด้วยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือลักทรัพย์ก็ดี ตายไปแล้วก็จะไปเกิดเป็นเดรัจฉาน เพราะทำไปโดยไม่รู้ ทำไปด้วยความหลง คิดว่าไม่เป็นไร คิดว่าเป็นอาชีพ ต้องรักษาชีวิตของตนด้วยการฆ่าผู้อื่น ถ้าทำบาปทำกรรมเพราะความกลัว กลัวจะถูกทำร้ายเบียดเบียน ก็เลยป้องกันตนด้วยการทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่น ตายไปก็จะไปเกิดเป็นอสุรกาย
ถ้าไม่ไปทำบาปทำกรรมตามความโลภ ความโกรธ ความหลง ความกลัว ยอมเสียชีวิต ยอมอดตาย ตายไปก็ไม่ต้องไปเกิดในอบาย ไม่ฆ่าผู้อื่น เช่นยิงนกตกปลา เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ตายไปก็ไม่ต้องไปเกิดเป็นเดรัจฉาน แต่จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก หรือไปเกิดเป็นเทวดา เป็นพระอริยเจ้า ขึ้นอยู่ว่าจะหักห้ามจิตใจได้มากน้อยเพียงไร ถ้าหักห้ามจนไม่มีความโลภโกรธหลงเหลืออยู่เลย ก็จะไปถึงพระนิพพานเลย จึงไม่มีเหตุที่จะต้องทำบาปทำกรรมกัน ไม่ว่ากรณีใด ไม่ว่าจะโลภ จะโกรธ จะหลง จะกลัวก็ตาม ไม่ต้องไปทำบาปทำกรรมก็ได้ เวลากลัวมากๆ ก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าไปในใจ สวดมนต์ไปภายในใจ อย่าส่งใจไปหาสิ่งที่กลัว ยอมตายไปกับการสวดมนต์ ยอมตายไปกับการระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าตายไปจะได้ไปเกิดดีกว่าเก่า ไม่ต้องไปเกิดในที่ต่ำ ถ้าฆ่าเพื่อป้องกันตน ตายไปก็จะต้องไปเกิดในอบาย จึงควรดูแลรักษาใจให้ดี ด้วยการประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงสอนให้ทำความดี ละบาป กำจัดความโลภ ความโกรธ ความหลงให้หมดสิ้นไป พยายามทำความดีเรื่อยๆ วันนี้เราก็มาทำความดีกัน มาทำบุญตักบาตร ถวายข้าวของเงินทอง ละบาปกันด้วยการรักษาศีล ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักทรัพย์ ประพฤติผิดประเวณี พูดปดมดเท็จโกหกหลอกลวง เสพสุรายาเมา กำจัดความโลภ ความโกรธ ความหลงกัน ด้วยการทำบุญให้ทาน ด้วยการฟังเทศน์ฟังธรรม ด้วยการเจริญเมตตา ให้อภัยไม่จองเวรจองกรรม
ฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วก็จะเกิดปัญญา ทำให้กำจัดความหลงได้ ที่เห็นว่าความสุขอยู่ที่การแสวงหาลาภยศสรรเสริญสุข เพราะความสุขที่แท้จริงต้องเกิดจากการทำความดี ละบาป กำจัดความโลภ ความโกรธ ความหลง ถ้าบำเพ็ญไปเรื่อยๆ ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ใจก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ มีความสุขมากขึ้นไปเรื่อยๆ มีความพอใจมีความยินดีที่จะทำความดีละบาปให้มากขึ้น กำจัดความโลภความโกรธความหลงให้หมดไป เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายได้ทำกัน ได้บรรลุถึงพระนิพพาน ได้ถึงความสุขที่แท้จริง ที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย ไปตลอดอนันตกาล ไม่ต้องไปเกิดอีกต่อไป ไม่ต้องไปทุกข์กับความแก่ความเจ็บความตาย การพลัดพรากจากกัน นี่แลคือความสุขที่แท้จริง ที่เราจะได้รับ ถ้ามีศรัทธาความเชื่อในพระธรรมคำสอน แล้วประพฤติปฏิบัติตาม สักวันหนึ่งก็จะได้พบกับความสุขอันเลิศอันประเสริฐ ที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายได้พบได้สัมผัสกัน จึงควรให้ความสนใจต่อการดูแลรักษาใจ ด้วยการเข้าวัดอย่างสม่ำเสมอ ประพฤติปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน จะมีแต่ความสุขความสบาย อยู่ห่างไกลจากความทุกข์ความวุ่นวายทั้งหลาย การแสดงก็เห็นว่าสมควรแก่เวลา จึงขอยุติไว้เพียงเท่านี้