กัณฑ์ที่ ๖๕       ๕ พฤษภาคม ๒๕๔๔

วันฉัตรมงคล

วันนี้เป็นวันมงคลอย่างยิ่งวันหนึ่งสำหรับปวงชนชาวไทย คือเป็นวันฉัตรมงคล เป็นวันครบรอบวันราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ รัชกาลปัจจุบัน  ผู้มีพระทัยอันสูงส่ง มีบุญ มีบารมี มีธรรม ปกครองประเทศชาติมาด้วยความร่มเย็นเป็นสุขเป็นเวลาหลายสิบปี  การที่ได้มีโอกาสมาทำการสักการะบูชาบุคคลที่สมควรแก่การบูชานั้น พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ว่าเป็นมงคลอย่างยิ่ง ปูชา จ ปูชนียานัง เอตัมมังคลมุตตมัง เพราะว่าคนดีย่อมปกครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เรา เป็นเป้าหมายสูงสุดของบัณฑิตทั้งหลาย มีแต่คนโง่เขลาเบาปัญญาเท่านั้นที่มุ่งหาในสิ่งที่ตรงกันข้าม  คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ กามสุข เพราะมีแต่ความวุ่นวาย มีแต่ปัญหา มีแต่การแก่งแย่งชิงดีกัน  ทั้งทางสุจริตและทางทุจริต  สังคมแทนที่จะอยู่กันได้ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข  ก็กลายเป็นสังคมที่มีแต่ความวุ่นวาย เพราะว่ามุ่งไปในเป้าหมายที่ผิด เป้าหมายที่ถูกนั้นควรจะอยู่ที่ความสงบสุขของสังคมเป็นสำคัญ

ความสงบสุขของสังคมจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อจิตใจของแต่ละบุคคลในสังคมนั้นๆมีความสงบสุข  จิตใจของบุคคลจะมีความสงบสุขได้  จะต้องมีการพัฒนา มีการขัดเกลา มีการปราบปรามเหตุที่นำมาซึ่งความวุ่นวายของจิตใจ  เหตุที่นำมาซึ่งความวุ่นวายของจิตใจก็คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง กิเลส เครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย ที่มีอยู่ภายในจิตใจของบุคคลที่ยังไม่ได้รับการขัดเกลา  ปุถุชนธรรมดาสามัญอย่างเราอย่างท่านยังมีสิ่งเหล่านี้ติดอยู่ในจิตใจ คือยังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง  ถ้าเป็นภาชนะที่ใช้ใส่อาหารเช่น จาน ถ้วย ชาม ก็เป็นภาชนะที่มีความเปรอะเปื้อน ไม่สะอาด  ไม่สมควรแก่การจะนำไปใส่อาหาร  ก่อนที่จะใช้ภาชนะเหล่านี้จึงต้องนำไปชำระล้างให้สะอาดเสียก่อน 

จิตของปุถุชนที่อยู่ในสังคมก็เช่นกัน เป็นจิตที่ยังห่อหุ้มด้วยกิเลสเครื่องเศร้าหมอง และเมื่อกิเลสเครื่องเศร้าหมองอยู่ในจิตแล้วจะไม่สามารถตั้งอยู่ในความสงบสุข เหตุที่สังคมมีแต่ความวุ่นวายกันทุกวันนี้ ไม่มีความสงบสุขก็เพราะว่าสังคมพัฒนาไปในทางที่ผิด ไปพัฒนาในสิ่งที่ไม่ใช่เป็นเหตุที่จะนำมาซึ่งความสุข  เพราะเหตุที่จะนำมาซึ่งความสงบสุขในสังคมอยู่ที่การขัดเกลาจิตใจชำระสะสางกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย  ที่เป็นเหตุให้มีการประพฤติทาง กาย วาจา ใจ ไปในทิศทางที่ไม่ดี เป็นมูลเหตุของความชั่วร้ายทั้งหลาย เช่น การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การลักทรัพย์ การประพฤติผิดประเวณี การพูดปดมดเท็จ การเสพสุรายาเมา ล้วนมีสาเหตุมาจากกิเลสที่มีอยู่ในจิตใจ คือความโลภ ความโกรธ ความหลงทั้งสิ้น  ถ้ามีสิ่งเหล่านี้แล้วสังคมก็จะวุ่นวาย  ถ้าสังคมต้องการความสงบอย่างแท้จริงแล้ว ทุกคนจะต้องหันมาพัฒนาขัดเกลาชำระกิเลสเครื่องเศร้าหมองที่มีอยู่ในจิตใจให้หมดไป  ถ้าตราบใดจิตใจยังไม่ได้รับการพัฒนาขัดเกลา  สังคมจะหาความสงบสุขไม่ได้  จะมีแต่ความวุ่นวายรุ่มร้อนอยู่เสมอไป

เวลาจะทำการบูชาบุคคลที่สมควรแก่การบูชา เช่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงมีพระคุณแก่ปวงชนชาวไทยทั้งหลาย  จึงควรที่น้อมจิตน้อมใจบูชาด้วยการปฏิบัติบูชา ประพฤติตัวให้อยู่ในทำนองคลองธรรม ในสิ่งที่ดีที่งาม  การที่จะพัฒนาความประพฤติให้อยู่ในทำนองคลองธรรม อยู่ในศีลในธรรมที่ดีที่งามได้ จะต้องเกิดจากการพัฒนาจิตใจ ปรับปรุงขัดเกลาจิตใจ ด้วยการชำระความโลภ ความโกรธ ความหลงนั่นเอง  ถ้าจิตใจมีความโลภ ความโกรธ ความหลงเบาบางลงไป การแก่งแย่งชิงดีก็จะลดน้อยลงไป  การประพฤติผิดศีลผิดธรรมก็จะมีน้อยลงไป  ทุกคนก็จะอยู่ได้ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข  อยู่กันได้ด้วยความเมตตากรุณาต่อกันและกัน จะไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องหวาดระแวง ไม่ต้องกลัวพิษภัยต่างๆ ที่เกิดจากมนุษย์ด้วยกัน  เพราะว่ามนุษย์ทุกคนมีคุณงามความดี มีศีล มีธรรมครอบครองจิตใจ

ทุกวันนี้ที่อยู่กันไม่เป็นสุข มีแต่ความหวาดระแวงภัยรอบด้านที่มาจากมนุษย์ด้วยกัน เป็นเพราะมนุษย์ไม่มีเป้าหมายที่จะดำเนินไปในทิศทางที่ถูก คือแทนที่จะตั้งเป้าหมายอยู่ที่การชำระจิตใจ ชำระความโลภ ความโกรธ ความหลง กลับมุ่งไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม คือไปส่งเสริมให้มีความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้มากขึ้นไป ด้วยความอยากต่างๆ นานา อยากจะร่ำรวยมีทรัพย์สินเงินทองมากๆ  อยากจะมีตำแหน่งมียศที่สูงๆ อยากจะมีกามสุข อยากจะมีวัตถุข้าวของต่างๆมากมาย ที่จะมาป้อนความสุข ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย สิ่งเหล่านี้แทนที่จะนำมาซึ่งความสงบสุขทั้งกับตนเองและกับสังคม  แต่กลับไปสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นเพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ไปดับความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือทำความโลภ ความโกรธ ความหลงให้บางเบาลงไป ให้น้อยลงไป  แต่กลับไปเพิ่มพูนให้มีมากยิ่งขึ้น  เมื่อมีแล้วก็เกิดความโลภ อยากจะมีเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ   เมื่อไม่ได้ก็เกิดความโกรธขึ้นมาอย่างนี้เป็นต้น

นี่เป็นเพราะว่ามนุษย์ถูกความหลง ถูกอวิชชาครอบงำจิตใจ  ทำให้เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นว่าการมี ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขเป็นสิ่งที่เจริญ เป็นสิ่งที่ทุกคนพึงจะมีกัน  แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการเพิ่มพูนความโลภ ความโกรธ ความหลง ภายในใจให้มีมากขึ้น  และเมื่อมีความโลภ ความโกรธ ความหลง อยู่ในใจมากขึ้นเท่าไร  ความทุกข์ร้อนในใจก็จะมีมากยิ่งขึ้นไป ไม่ลดน้อยลงจากการมีมากขึ้น  เพราะว่าความโลภ ความโกรธ ความหลงจะพอกตัวของมันเอง  ยิ่งโลภมากเท่าไรก็จะยิ่งทำให้มีความโลภมากเพิ่มขึ้นไปอีก  ยิ่งโกรธเท่าไรก็จะยิ่งทำให้มีความโกรธมากเพิ่มขึ้นไปอีก  ยิ่งหลงเท่าไรก็จะยิ่งทำให้มีความหลงมากขึ้นไปอีก  วิธีที่จะปราบกิเลสหรือทำให้กิเลสบางเบาลงไป จึงต้องลดละความโลภ ความโกรธ ความหลงเท่านั้น ทุกครั้งที่มี ความโลภ ความโกรธ ความหลง เกิดขึ้น ต้องฝืน ต้องตัด อย่าไปส่งเสริม อย่าไปโลภตาม อย่าไปโกรธตาม อย่าไปหลงตาม  การที่จะทำให้กิเลสเบาบางลงไปได้ จะต้องอาศัยอะไร ต้องอาศัยพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องตัดความโลภ ความโกรธ ความหลงให้ออกไปจากจิตจากใจ

ทรงสอนให้ใช้เหตุผลเป็นเครื่องตัดความโลภ  เวลาต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดขอให้ถามตัวเองว่ามีความจำเป็นไหม จะต้องใช้สิ่งเหล่านี้หรือเปล่า  ถ้าไม่มีสิ่งๆนี้แล้วจะตายหรือไม่  เช่นถ้าไม่มีลมหายใจแล้วจะตายหรือเปล่า  ลมนี้เป็นสิ่งจำเป็น ต้องมีลมหายใจถึงจะอยู่ได้ ไม่มีอาหารกินจะตายหรือเปล่า อาหารก็มีความจำเป็น ต้องกินอาหาร จะกินมากกินน้อยขนาดไหนถึงจะพออยู่ได้  ก็ต้องวิเคราะห์เอา อย่างพระภิกษุท่านก็ฉันมื้อเดียวท่านก็อยู่ได้ ต้องใช้เหตุ ใช้ผล อย่าใช้อารมณ์  ถ้าใช้อารมณ์แล้ว เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด โลภไปหมด ได้ไปแล้วแทนที่จะมีความสุข ก็ไม่มีความสุขหรอก  เพราะกลับสร้างความหิวความอยากให้มีมากยิ่งขึ้นไปอีก   ทุกครั้งที่มีความอยาก มีความโลภเกิดขึ้น ต้องฝืน ต้องตัด  อย่าไปคิดว่าเมื่อเกิดความโลภ จึงทำตามความโลภ แล้วความโลภจะหมดไป  อย่างนี้ไม่ใช่ เพราะกลับทำให้ความโลภมีมากขึ้นไปอีก ทำความทุกข์ให้มีมากขึ้นไปอีก ความสุขใจกลับมีน้อยลง  ในทางตรงกันข้ามถ้ามีความโลภแล้ว ตัดความโลภได้  ความสุขใจจะมีมากขึ้น เพราะความโลภลดน้อยลงไปนั่นเอง

เรื่องความโกรธก็เช่นกัน  ทรงสอนให้ใช้เมตตาธรรมระงับความโกรธ   คือการให้อภัย ไม่จองเวรจองกรรมกัน  เวลาเห็นอะไรไม่ถูกใจ ใครทำอะไรไม่ถูกใจ พูดอะไรไม่ถูกใจ อย่าไปโกรธ อย่าไปแค้น อย่าไปอาฆาตพยาบาท  ต้องใช้หลักความจริงที่ว่า ห้ามเขาไม่ได้ แต่ห้ามตัวเราได้  ชนะเขาไม่ได้ แต่ชนะใจเราได้  เอาชนะความโกรธได้ แต่เอาชนะคนอื่นไม่ได้เสมอไป  ถ้าเอาชนะคนนี้ได้ ก็มีคนอื่นมาแทนที่  คนในโลกมีคนเป็นพันๆล้านคน จะเอาชนะคนเหล่านี้หมดได้อย่างไร  ไปที่ไหนก็ต้องเจอกับคนเหล่านี้  ต้องเจอกับคนที่ทำอะไรไม่ถูกใจเรา พูดอะไรไม่ถูกใจเราเสมอ สิ่งที่จะเอาชนะได้ก็คือใจของเรา คือ ชนะความอาฆาตพยาบาท ชนะความโกรธ ชนะการจองเวรจองกรรม ด้วยการให้อภัยกัน  

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร  เวรไม่ระงับด้วยการจองเวร ความสุขจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อใจระงับความโกรธได้  ถ้าใจระงับความโกรธไม่ได้ ก็จะมีแต่ความรุ่มร้อนใจ  เมื่อรุ่มร้อนมากก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก  วิธีแก้ความโกรธจึงต้องแก้ที่ตัวเราก่อน  อย่าไปแก้ข้างนอก อย่าไปแก้ที่คนอื่น  คนอื่นนั้นเราต้องยอมรับความจริงว่าเป็นอนัตตา เป็นสิ่งที่เหลือวิสัยที่จะไปครอบงำได้  อาจจะบังคับได้  แก้ไขได้เป็นครั้งเป็นคราว  แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไปบังคับ ไปแก้ไขได้ตลอดเวลา  สิ่งที่เราสามารถบังคับได้ แก้ไขได้ตลอดเวลาก็คือตัวเรา จึงขอให้ทุ่มเทสติปัญญาแก้ไขปัญหาที่ตัวเรา   แก้ความโกรธของเราด้วยการให้อภัย ด้วยการไม่จองเวรกัน

ส่วนความหลงทรงให้แก้ด้วยปัญญาความรู้ ความรู้จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อได้ศึกษาธรรม  การศึกษาธรรมทำได้หลายวิธี  การมาวัดมาฟังเทศน์ฟังธรรมก็เป็นวิธีหนึ่ง  การศึกษาด้วยการอ่านหนังสือพระไตรปิฏก อ่านหนังสือธรรมของเกจิอาจารย์ทั้งหลายก็เป็นการศึกษาอีกวิธีหนึ่ง  เมื่อได้ศึกษาแล้วจะรู้เรื่องราวต่างๆที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายได้รู้กัน ก็จะแก้ไขตัวเองได้   ขณะนี้เรามีความหลง มีความเห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว  เห็นสุขเป็นทุกข์ เห็นทุกข์เป็นสุขกัน  เช่นเห็นว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ กามสุข เป็นสุขอย่างยิ่ง  แต่หารู้ไม่ว่าในสายตาของผู้สิ้นกิเลสแล้ว อย่างพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันตสาวกก็ดี ท่านกลับเห็นว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ กามสุข เป็นทุกข์อย่างยิ่ง  เพราะโดยธรรมชาติ ลาภ ยศ สรรเสริญ กามสุข เป็นของไม่เที่ยง  เป็นของไม่จีรังยั่งยืนไม่อยู่กับเราตลอด มีการเจริญลาภ ก็ต้องมีการเสื่อมลาภเป็นธรรมดา    มีการเจริญยศ ก็ต้องมีการเสื่อมยศเป็นธรรมดา  มีสรรเสริญก็ต้องมีนินทาเป็นธรรมดา  มีสุขก็ต้องมีทุกข์เป็นธรรมดา  เป็นของคู่กัน เป็นเงาตามตัวกันไป เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน  มีทั้งหัวและมีทั้งก้อยฉันใด  ลาภ ยศ สรรเสริญ กามสุข ก็ต้องมีฝ่ายตรงกันข้ามกัน มีความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ มีนินทา มีทุกข์  นี่คือความเป็นจริงที่คนไม่มีความหลงครอบงำจะเห็นได้อย่างชัดเจน  เห็นจนกระทั่งไม่มีความปรารถนาที่จะมีสิ่งเหล่านี้เลย

เช่นพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงไม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูง แม้จะเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าแผ่นดิน  ไม่เคยมีความปรารถนาที่จะครองราชสมบัติ เพราะทรงเห็นด้วยปัญญาแล้วว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ กามสุข เป็นทุกข์ ไม่เป็นสุข  ความสุขที่แท้จริงเกิดจากความสงบของจิตใจ  ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้ชำระ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้หมดไปจากจิตจากใจ  เมื่อหมดไปแล้ว จิตใจก็จะมีความอิ่ม มีความพอ  เมื่อมีความอิ่ม มีความพอแล้ว การที่จะไปประพฤติปฏิบัติตนในทิศทางที่ไม่ดี เช่นไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไปลักทรัพย์ ไปประพฤติผิดประเวณี ไปโกหกมดเท็จ ไปเสพสุรายาเมา ก็จะไม่มีในจิตใจ

จึงขอให้น้อมจิตน้อมใจ ถวายสักการะบูชาแด่ผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวงต่อปวงชนชาวไทย ด้วยการปฏิบัติบูชา ตัดความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้ออกไปจากจิตจากใจเท่าที่จะสามารถทำได้ ตามกำลังแห่ง สติ ปัญญา ศรัทธา วิริยะ  แล้วการบูชานี้จะเป็นมงคลอย่างยิ่ง การแสดงเห็นว่าสมควรแก่เวลา ขอยุติไว้เพียงเท่านี้