คำนำ

วันเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า แต่พวกเราทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้นับครั้งไม่ถ้วน ได้พบกับความสุขที่แท้จริงแล้วหรือยัง หรือยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่า สุขและทุกข์มันเป็นอย่างไร และมีสิ่งใดที่จะทำให้เรามีสุขมากขึ้น และทุกข์น้อยลงได้อย่างแท้จริง

ธรรมะคำสั่งสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้อ่าน ได้ฟังมามากมายได้เข้าถึง “ใจ” เราแล้วหรือยัง ได้ช่วยเยียวยาโรคทุกข์ของเราได้มากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าเรายังไม่รู้ว่าเราเป็นโรคอะไร ใจเราติดเชื้ออะไรอยู่ และไม่นำธรรมโอสถมาใช้ให้ถูกที่ เราก็คงจะต้องทนอยู่กับโรคทุกข์นี้ ที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้เลย ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง ไม่มีใคร ”รู้ใจ” เราได้ นอกจากเราดูใจตัวเอง และถ้าเราไม่สร้างเหตุที่จะทำให้ใจได้เผยธาตุแท้ ที่ใจเป็นอยู่ ผลที่อยากให้เกิด คือความสุขสงบที่แท้จริงแห่งใจก็ไม่มี

แต่ถ้าเราได้เริ่มให้แสงสว่างแห่งธรรมะ ได้สาดส่องเข้ามาที่ใจเรา โดยเริ่มลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนแห่งศีล สมาธิ ภาวนา เราจะเริ่มมีสติ ที่จะเป็นตัวช่วยกำกับ ให้ใจเข้าที่เข้าทาง คอยเป็นพี่เลี้ยง ดูแลความคิดที่จะไปยึดติดกับสิ่งภายนอก ที่ไม่มีแก่นสารและตัวตน ไปปรุงแต่งกับสิ่งที่หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้  และเมื่อสติมีกำลังมากขึ้น ก็จะดึงใจของเราให้กลับมาอยู่ในตัวเรา อยู่กับปัจจุบัน มีความรู้สึกตัวอยู่ทุกขณะ เมื่อใจได้พักอยู่ที่ฐานแห่งความสงบ ทุกข์ก็จะเข้าถึงใจไม่ได้อีก เราจึงอย่าปล่อยเวลาอันมีค่าให้เสียไปเลย ถ้าใจขาดที่พึ่ง คือ ธรรมะ เราทุกคนก็คงจะต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอีก ไม่มีที่สิ้นสุด “หยุด” และให้ทุกสิ่งได้ “ดับ” ณ วันนี้เถิด

 

 

                                                    คณะผู้จัดทำ  
                                                    มกราคม ๒๕๔๖