คำนำ

ถ้าปุถุชนคนเราปรารถนาความก้าวหน้าในทางธรรม เราคงต้องมีความกล้าที่จะตัดสินการกระทำของตนเองอย่างตรงไปตรงมา ว่าได้ดำเนินชีวิตมาถูกทางแล้วหรือยัง และถ้ายังไม่ถูก  ก็จะต้องยอมเสียสละความสุขทางโลก  ให้ลดน้อยถอยลง และ ละความอยาก ความหลง ความไม่รู้จริง ให้ออกไปจากจิตจากใจให้ได้ในที่สุด

พวกเราแบก ลาภ ยศ สรรเสริญและกามสุขไว้หนักเสียเหลือเกิน สิ่งนี้เหนี่ยวรั้งเราไว้ให้เดินหลงทาง เชื่องช้า ล้มลุกคลุกคลาน มาหลายต่อหลายชาติแล้ว เราพบแต่ความทุกข์ในชีวิต มีแต่ความร้อนรน ความว้าวุ่นขุ่นมัวของจิตใจ แต่ก็หลงไปว่าเป็นธรรมดาของชีวิต จึงคิดผิดและหลงผิดอยู่ตลอดเวลา กิเลสก็พอกพูนจิตใจมากยิ่งขึ้น

แม้นเมื่อได้มีโอกาสเกิดมาเป็นพุทธศาสนิกชน ก็ไม่รู้ว่าการสะสมเสบียงบนเส้นทางแห่งสายธรรมเป็นอย่างไร ไม่ศรัทธากับสิ่งที่เรารู้ ได้ยินได้ฟัง ได้อ่านได้เห็น เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ปฏิบัติไม่ได้ตามคำสั่งสอนขององค์พระศาสดา เพราะกิเลสมันมีแรงดูดให้เราหลุดออกจากเส้นทาง มรรค ผล นิพพานอยู่ทุกขณะ เราควรจะทำอย่างไรดี

ถ้าวันนี้เราพร้อมเราจะบอกตัวเองได้ว่า เราจะหยุดความอยาก เราปรารถนาที่จะสัมผัสความสุขที่แท้จริงของใจ เราจะลิ้มรสความอิ่มที่ใจได้รับจากการปฏิบัติขัดเกลา ทำความดี ละความชั่ว ทำให้ใจสะอาดสว่างไสว เราจะมีความพอ เพื่อความสิ้นสุดของภพชาติ

เมื่อเรามีพระธรรมเป็นที่พึ่ง และถ้าได้อ่านมาก ได้ยินมาก ใคร่ครวญมาก และปฏิบัติภาวนาเสริมสร้างปัญญายิ่งขึ้นไป เราจะปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างได้ สติก็จะอยู่กับใจตลอดเวลา เมื่อนั้นกิเลสคงจะเข้าถึงใจเราได้ยาก ความดีที่ได้เริ่มสะสม จะเป็น บุญ บารมี เป็นเสบียงของทางธรรม ที่เป็นความโล่ง โปร่งสบาย สว่างไสว ไม่เหนี่ยวรั้งให้เราอยู่ติดกับโลกนี้อีกต่อไป

เราจึงควร ปลด ปล่อย ภาระทางโลกเพื่อแลกกับความเป็นอิสระของใจ เมื่อนั้นเราจะเข้าถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ใจจะพบกับสันติสุขที่แท้จริงในที่สุด

 

                                                                            คณะผู้จัดทำ
                                                                                     กรกฎาคม ๒๕๔๖